ไวรัสตับอักเสบซี
ไวรัสตับอักเสบซี
เป็นโรคที่พบบ่อยพอสมควร โดยไม่ค่อยมีอาการแสดง จนแสดงอาการออกมาเมื่อเข้าสู่ภาวะตับแข็งแล้ว
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี เกิดได้จาก การติดต่อทางเลือด ติดต่อทางเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ การสัก คล้ายๆ กับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยไม่สามารถติดต่อได้ทางอาหารหรือดื่มน้ำ หรือใช้ช้อนร่วมกันและเนื่องจาก ก่อนปี 2535 ยังไม่มีการตรวจหาเชื้อไวรัสประเภทนี้ ผู้ที่ได้รับเลือดหรือปลูกถ่ายอวัยวะก่อนปี 2535 จึงมีความเสี่ยงต่อการติดไวรัสตับอักเสบซี
ภาวะที่เกิดจาก ไวรัสตับอักเสบซี
ตับอักเสบเฉียบพลัน ภาวะนี้ส่วนมากไม่มีอาการ มีเพียง 25-30% ที่พบอาการของตับอักเสบคือ ตัวเหลือง ตาเหลือง มีไข้ เบื่ออาหาร กลุ่มที่เกิดภาวะตับอักเสบเฉียบพลันประมาณสัก 60% จะกลายเป็นกลุ่ม ตับอักเสบเรื้อรัง
ตับอักเสบเรื้อรัง ส่วนมากมักจะไม่มีอาการ จนเมื่อตับค่อยๆโดนทำลายไปถึงระดับที่เรียกว่าภาวะตับแข็ง จะมีอาการอ่อนเพลีย ดีซ่าน ท้องมาน และมักจะกลายเป็นมะเร็งตับ หากได้รับการรักษาที่ถูกต้อง สามารถลดโอกาสการกลายเป็นมะเร็งตับได้
เนื่องจากไวรัสตับอักเสบซี ยังไม่มีวัคซีนป้องกันเหมือนกับไวรัสตับอักเสบบี หรือ เอ ทางที่ดีที่สุดในปัจจุบัน คือ ทำอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ ร่วมกับการรักษาหากตรวจพบว่ามีการติดเชื้อแล้ว การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อคือ ไม่ใช้เข็มฉีดยา มีดโกนหนวด แปรงสีฟัน การสัก ร่วมกัน ไม่สัมผัสเลือดผู้อื่นโดยไม่ใส่ถุงมือ และ ใช้ถุงยางอนามัยหากมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีความเสี่ยง
อัพเดต: 24 ก.ค. 60 - 12:50
คุณอาจสนใจ:
เป็นโรคที่พบบ่อยพอสมควร โดยไม่ค่อยมีอาการแสดง จนแสดงอาการออกมาเมื่อเข้าสู่ภาวะตับแข็งแล้ว
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี เกิดได้จาก การติดต่อทางเลือด ติดต่อทางเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ การสัก คล้ายๆ กับการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยไม่สามารถติดต่อได้ทางอาหารหรือดื่มน้ำ หรือใช้ช้อนร่วมกันและเนื่องจาก ก่อนปี 2535 ยังไม่มีการตรวจหาเชื้อไวรัสประเภทนี้ ผู้ที่ได้รับเลือดหรือปลูกถ่ายอวัยวะก่อนปี 2535 จึงมีความเสี่ยงต่อการติดไวรัสตับอักเสบซี
ภาวะที่เกิดจาก ไวรัสตับอักเสบซี
ตับอักเสบเฉียบพลัน ภาวะนี้ส่วนมากไม่มีอาการ มีเพียง 25-30% ที่พบอาการของตับอักเสบคือ ตัวเหลือง ตาเหลือง มีไข้ เบื่ออาหาร กลุ่มที่เกิดภาวะตับอักเสบเฉียบพลันประมาณสัก 60% จะกลายเป็นกลุ่ม ตับอักเสบเรื้อรัง
ตับอักเสบเรื้อรัง ส่วนมากมักจะไม่มีอาการ จนเมื่อตับค่อยๆโดนทำลายไปถึงระดับที่เรียกว่าภาวะตับแข็ง จะมีอาการอ่อนเพลีย ดีซ่าน ท้องมาน และมักจะกลายเป็นมะเร็งตับ หากได้รับการรักษาที่ถูกต้อง สามารถลดโอกาสการกลายเป็นมะเร็งตับได้
เนื่องจากไวรัสตับอักเสบซี ยังไม่มีวัคซีนป้องกันเหมือนกับไวรัสตับอักเสบบี หรือ เอ ทางที่ดีที่สุดในปัจจุบัน คือ ทำอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ ร่วมกับการรักษาหากตรวจพบว่ามีการติดเชื้อแล้ว การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อคือ ไม่ใช้เข็มฉีดยา มีดโกนหนวด แปรงสีฟัน การสัก ร่วมกัน ไม่สัมผัสเลือดผู้อื่นโดยไม่ใส่ถุงมือ และ ใช้ถุงยางอนามัยหากมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีความเสี่ยง
อัพเดต: 24 ก.ค. 60 - 12:50
คุณอาจสนใจ: